กมธ.ปราบโกง เผย ‘ดร.เอ้’ และภรรยา ทรัพย์สินเพิ่มร้อยล้านในปีเดียว

กมธ.ปราบโกง เผย ‘ดร.เอ้’ และภรรยา ทรัพย์สินเพิ่มร้อยล้านในปีเดียว

กมธ.ปราบโกง เปิดเผยว่ามีผู้ไม่ประสงค์ออกนามยื่นหลักฐาน ซึ่งพบว่า ดร.เอ้ และภรรยา ทรัพย์สินเพิ่มร้อยล้านในปีเดียว มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ ร่ำรวยผิดปกติ นาย ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.ป.ป.ช. ที่มีวาระพิจารณากรณี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ ว่าที่ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งเก้าอี้ผู้ว่า กทม. ว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ และร่ำรวยผิดปกติ

โดยนาย ธีรัจชัย ระบุว่า มีผู้ร้องเรียนไม่ประสงค์ออกนาม 

ได้ยื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกมธ.ป.ป.ช. เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา และมีการบรรจุระเบียบวาระวันนี้ โดยต้องการให้ตรวจสอบทรัพย์สินว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากวันที่ 18 ก.พ. 2559 ปรากฏมีทรัพย์สินประมาณ 44 ล้านบาท วันที่ 19 ก.ย. 2563 ดำรงตำแหน่งอธิการบดีครบ 3 ปี มีทรัพย์สินประมาณ 74 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 มีทรัพย์สินรวมกับภรรยาประมาณ 342 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเพิ่มของทรัพย์สินอย่างผิดปกติ

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของกมธ. มีหลายเรื่องที่น่าสนใจและมีข้อมูลที่ทางฝ่ายผู้ร้องได้ให้มา เช่น โครงการที่มีการจัดซื้อจัดจ้างของสจล. และโครงการเกี่ยวกับหน่วยงานในกทม.หลายส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทบางส่วนที่ต้องตรวจสอบว่ามีการรับหรือไม่ เนื่องจากมีหุ้นส่วนที่อาจจะเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนายสุชัชวีร์

ซึ่งกมธ.ได้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเบื้องต้นพบว่า มีการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเดือน อัตราเบี้ยประชุมหลายล้านบาท การโอนที่ดินของมารดานายสุชัชวีร์ให้กับนายสุชัชวีร์กับภรรยาที่มีมูลค่าสูง

โดยในวันนี้ได้เชิญอธิการบดีของสจล.มาเพื่อสอบถามว่า ในทางปกติของการรับเงินเดือนตำแหน่งอธิการบดีรับอย่างไร มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง การจัดซื้อจัดจ้างมีผลประโยชน์อะไรเพิ่มมาบ้าง รวมถึงเบี้ยประชุมต่างๆ จะได้เป็นล้านบาทจริงหรือไม่

นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนอธิบดีกรมสรรพากร ต้องตรวจสอบว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นมีการยื่นเสียภาษีหรือไม่ รวมถึงคนรอบข้างของนายสุชัชวีร์ด้วย สำหรับคนที่เกี่ยวข้องที่มีชื่อปรากฏหลังจากนี้ก็จะเชิญมาเพื่อมาหาข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่มีการกล่าวหาร้องเรียนมาอย่างไรบ้าง

สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าที่มีการสอบสวนนายสุชัชวีร์ในช่วงที่มีการลงสนามผู้ว่าฯ กทม. อาจส่งผลทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบเพราะเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา กมธ.ก็มีหน้าที่ตรวจสอบตามกระบวนการ และเรื่องนี้ก็เข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว ยืนยันว่ากมธ.ไม่มีการตั้งธงในการสอบสวนทั้งสิ้น

กมธ.ป.ป.ช. เรียกสอบ ‘ดร.เอ้’ ส่อทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ

กมธ.ป.ป.ช. เตรียมเรียกสอบ ดร.เอ้ ส่อทุจริต หลังพบว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ และ ร่ำรวยผิดปกติ ด้าน ดร.เอ้ ยินดีให้ตรวจสอบ ในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ กมธ.ป.ป.ช. ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะ ประธาน กมธ. เป็นประธาน จะมีการประชุมตรวจสอบ และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลนัดแรก

กรณีนาย สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สลจ.) และ ตัวแทนลงสมัครชิงผู้ว่า กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ หลัง มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่ และ ร่ำรวยผิดปกติ

ด้าน ดร.เอ้ กล่าวว่า ตนพร้อมและยินดีให้ตรวจสอบ เพราะมีความมั่นใจในการทำหน้าที่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อย่างถูกต้อง และไม่เคยทำความผิด

นอกจากนี้ที่ผ่านมาในขณะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าว ตนก็เคยถูก ปปช. สตง. และหน่วยงานอื่นๆ เข้าตรวจสอบอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อตนได้ตัดสินใจเข้ามาเดินในเส้นทางการเมืองจึงต้องมีความพร้อม และกล้ารับการตรวจสอบอยู่ตลอด

สำหรับการเสนอร่างระเบียบฯ ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. เป็นไปตามความเห็นชอบของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยหลักการของร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางและหลักการ ในการดำเนินการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ร่วมกันของหน่วยงานของรัฐ เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ได้รับความปลอดภัย และได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์

โดยจะให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานของรัฐในการแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่

1. ศูนย์ประสานงานกลาง กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์กลาง” เพื่อเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ

2. ศูนย์ประสานงานประจำกระทรวง ให้ทุกกระทรวงจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลเท็จทางสื่อสังคมออนไลน์ ประจำกระทรวง”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป